วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ในเรื่องการท่องเที่ยวและสุขภาพ

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการท่องเที่ยว
     
นอกเหนือจากช่วยอำนวยความสะดวกในการขายสินค้าและบริการการท่องเที่ยวแล้ว เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในการบริหารจัดการและการดำเนินงานในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยแบ่งเป็นส่วนย่อย ๆ ต่อไปนี้

ธุรกิจสายการบิน
     
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีต้นกำเนิดมาจากธุรกิจสายการบิน และระบบ GDSs ยังคงเป็นกำลังสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวรายย่อยและหลักทรัพย์ในการดำเนินงานของบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ที่เติบโตขึ้น นอกจากนี้ ธุรกิจสายการบินยังขยายการใช้เว็บไซต์ในการเข้าถึงลูกค้าโดยตรงผ่านทางเว็บไซต์ของตนเอง ถึงแม้ว่าในหลายกรณีความพยายามในการเข้าถึงลูกค้าจะถูกจำกัดโดยความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับผู้ร่วมธุรกิจที่เป็นตัวกลางอย่างเปิดเผย อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญในการทำให้กระบวนการจัดจำหน่ายทุกขั้นตอน ตั้งแต่การแสดงค่าโดยสารไปจนถึงการชำระเงินและการออกบัตรโดยสารเป็นระบบอัตโนมัติ

     นอกเหนือจากการจัดจำหน่ายบัตรโดยสารแล้ว สายการบินยังใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการช่วยบริหารจัดการการปฏิบัติงานประจำวันที่ซับซ้อน ในการวิเคราะห์รายได้ ราคา รูปแบบการขายที่ผ่านมา และอัตราค่าบริการ เพื่อที่จะตั้งราคาค่าโดยสารที่ทำให้สายการบินได้รายได้มากที่สุด รวมทั้งยังช่วยในการบริหารจัดการตารางการบิน ตารางการทำงานของลูกเรือ การปฏิบัติงานต่างๆ ในสนามบิน ทั้งการเรียกดูข้อมูลการเช็คอิน ระบบการจัดการที่นั่ง การขึ้นเครื่องบิน กระเป๋าสัมภาระ ฯลฯ

    โดยปกติการพัฒนาระบบต่างๆ ข้างต้นนั้นมีราคาแพง แต่อย่างไรก็ตาม ระบบเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดต้นทุนได้ โดยการโอนย้ายงานเอกสารต่างๆ ไปให้ลูกค้าเป็นผู้ดำเนินการ การจัดจำหน่ายบัตรโดยสารผ่านทางเว็บไซต์จะมีการมอบหมายให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลผู้โดยสารด้วยตนเอง เพื่อเป็นการลดงานที่ใช้แรงงานคนและงานเอกสารทั่วไปแก่สายการบิน ในลักษณะเดียวกันกับการพัฒนาการออกบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน ทางสายการบินจะให้ลูกค้าพิมพ์ตั๋วโดยสารในรูปแบบกระดาษออกมาเอง เพื่อช่วยในการลดต้นทุน
     ในปัจจุบันการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนมีมากขึ้นเรื่อยๆ สายการบินจึงมีการใช้ระบบออกบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางโทรศัพท์ โดยไม่มีการใช้บัตรโดยสารแบบกระดาษ บัตรโดยสารจะถูกส่งไปทางอีเมล์หรือข้อความทางโทรศัพท์ ซึ่งลูกค้าจะใช้โทรศัพท์มือถือเป็นบัตรผ่านขึ้นเครื่องบิน (Boarding pass) แทนกระดาษ เทคโนโลยีนี้ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปมากกว่าเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากทำให้สายการบินมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านงานเอกสารอีก
ด้วย
    รถไฟและรถโดยสารประจำทาง
     การบริหารจัดการการจัดจำหน่ายและการจัดสรรที่นั่งก็มีความสำคัญในการขนส่งทางรถไฟและรถโดยสารระยะไกล ถึงแม้ว่าการขนส่งในลักษณะนี้จะไม่ต้องการระบบ GDSs มากนัก แต่ระบบการจัดการดังกล่าวของธุรกิจประเภทนี้จะเป็นระบบเฉพาะของแต่ละบริษัท ซึ่งได้รับการพัฒนามาจากระบบการผูกขาดเดิมของรัฐบาล โดยระบบจะช่วยในการเพิ่มยอดขายและอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะมีการพัฒนาที่ค่อนข้างช้า เนื่องจากถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอันดับแรกในธุรกิจประเภทนี้ อย่างไรก็ตาม การแปรรูปบริษัทให้บริการระบบขนส่งประเภทนี้ให้เป็นบริษัทมหาชนนั้น ทำให้มีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการจึงหันมาสนใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น โดยในปัจจุบันผู้ประกอบการรถไฟและรถโดยสารต่างๆ ได้ทดลองใช้ระบบการให้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือ ทั้งการจองที่นั่งและการออกบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการให้บริการและเพิ่มยอดขายได้อย่างมาก
 เนื่องจากความนิยมใน ‘แอพพลิเคชั่น’ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในธุรกิจนี้ ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองความนิยมในการใช้โทรศัพท์มือถือ iPhone ผู้ประกอบการธุรกิจรถไฟและรถโดยสารจำนวนมากจึงหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการหาข้อมูลและทำการจองตั๋วโดยสาร ทั้งในโทรศัพท์มือถือ iPhone, Blackberry และ Android ซึ่งต่างจากเว็บไซต์ทั่วไปตรงที่แอพพลิเคชั่นเหล่านี้จะเน้นให้บริการเฉพาะเท่านั้น จึงทำให้เกิดผลดีต่อลูกค้า เนื่องจากผู้ใช้แอพพลิเคชั่นเหล่านี้จะถูกหันเหความสนใจโดยโฆษณาต่างๆ ในเว็บไซต์น้อยลง

     ถึงแม้จะมีการพัฒนาดังกล่าว บริษัทผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ก็ยังเป็นผู้ตามมากกว่าเป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยี เนื่องจากธรรมชาติของธุรกิจประเภทนี้มีความเป็นอนุรักษ์นิยมสูง จึงเหมือนเป็นการหยุดนวัตกรรมใหม่ๆ ดังนั้น การใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในธุรกิจประเภทนี้ จึงเป็นการนำเทคโนโลยีของธุรกิจประเภทอื่นมาปรับใช้มากกว่า  


ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว
แม้ว่าสื่อส่วนใหญ่จะให้ความสนใจกับนักเดินทางอิสระและการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยวต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์ แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ยังใช้บริการช่องทางการซื้อโปรแกรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนแบบเดิมอยู่ โดยลูกค้าของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจะซื้อแพ็คเกจท่องเที่ยวที่รวมสินค้าและบริการต่างๆ ไว้ในแพ็คเกจด้วย เช่น ตั๋วเครื่องบิน บริการเปลี่ยนหรือต่อเที่ยวบิน ที่พัก หรือแม้แต่ตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในราคาแบบเหมาจ่าย ซึ่งแพ็คเกจเหล่านี้มักจะให้บริการโดยผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ใช้บริการเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำและโรงแรมที่ไม่ได้มีสาขาทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การให้บริการในลักษณะนี้จะไม่ได้มีข้อมูลอยู่ในระบบ GDSs ที่ใช้กันทั่วไป จึงทำให้การใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติถูกจำกัดในธุรกิจนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจึงจัดจำหน่ายสินค้าและบริการของพวกเขาโดยการวางแผ่นพับของบริษัทไว้ตามบริษัทท่องเที่ยวต่างๆ และใช้โทรศัพท์ในกระบวนการจองผ่านบริษัทท่องเที่ยวและสายตรงที่ Call Center ของบริษัท

     การต่อต้านการใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเชื่อมโยงให้เห็นถึงลักษณะที่พวกเขาดำเนินธุรกิจได้อย่างชัดเจน ประการแรกคือ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวมีการใช้บริการเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำในการเดินทาง ทำให้พวกเขาต้องใช้ระบบปฏิบัติงานเฉพาะของบริษัทมากกว่าการใช้ระบบ GDSs ทั่วไป อีกทั้งประเภทของโรงแรมที่ผู้ประกอบการใช้บริการก็เป็นโรงแรมที่เน้นการเข้าพักเพื่อการพักผ่อนที่ไม่มีระบบการปฏิบัติงานแบบอัตโนมัติในการทำงาน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจึงไม่มีแรงจูงใจในการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงใช้การติดต่อธุรกิจในรูปแบบสัญญารายปีกับผู้จัดหาบริการ โดยใช้อัตราค่าบริการที่คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดี การใช้เทคโนโลยีในธุรกิจประเภทนี้ จะเน้นเพียงแค่การทำงานในระดับเอกสารทั่วไป โดยช่วยให้สามารถบริหารจัดการและปรับปรุงความสามารถในการให้บริการได้ดีขึ้น
     เนื่องจากมีการพัฒนาเทคโนโลยีทางเว็บไซต์และการมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้น การดำเนินธุรกิจกับสายการบินแบบเช่าเหมาลำและโรงแรมที่ไม่มีเครือข่ายจึงลดลงไปด้วย จึงทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวมีความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลด้านอัตราค่าโดยสารที่ “เป็นปัจจุบัน” ได้มากขึ้น เพื่อช่วยในการจัดแพ็คเกจท่องเที่ยว การเข้าถึงข้อมูลที่ทันต่อเวลานี้ ไม่เพียงแต่ช่วยในการเตรียมการจัดแพ็กเกจต่างๆ แต่ยังช่วยให้บริษัทมี “แพ็คเกจท่องเที่ยวที่ปรับเปลี่ยนได้” ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าแต่ละประเภทได้ด้วยตนเองในการจัดแพ็คเกจท่องเที่ยวตามความต้องการ นอกจากนี้ เทคโนโลยีเหล่านี้ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อผู้ประกอบการในการแข่งขันกับบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ที่มีส่วนแบ่งในตลาดการท่องเที่ยวมาก เนื่องจากลูกค้าสามารถเลือกสินค้าและบริการแต่ละรายการได้โดยตรง

ตัวแทนจำหน่ายสินค้าและบริการการท่องเที่ยว
จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าระบบ GDSs ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบพื้นฐานในระบบเทคโนโลยีของบริษัทท่องเที่ยวทั่วโลก เช่นเดียวกับตัวแทนจำหน่ายสินค้าและบริการการท่องเที่ยวทั้งหมดก็มีการใช้ระบบนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการค้นหาข้อมูลและการสำรองที่นั่งในระบบนี้ถูกกว่าการใช้วิธีอื่นอย่างมาก ระบบ GDSs จะให้ข้อมูลตารางการบิน ราคา และการแสดงที่นั่งที่มีอยู่อย่างเป็นปัจจุบัน ซึ่งทำให้ตัวแทนต่างๆ สามารถกำหนดเส้นทางการเดินทางที่ซับซ้อนได้ภายในไม่กี่นาที นอกจากนี้ ระบบ GDSs ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของ “แผนกสนับสนุน” เช่น งานด้านบัญชี การจัดการด้านบุคลากร ร่วมกับ “แผนกบริหารงานส่วนหน้า” เช่น การบันทึกข้อมูลลูกค้า การออกแบบเส้นทางการเดินทาง การออกตั๋วโดยสาร จึงทำให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย นอกจากนี้ การสำรองที่นั่งผ่านระบบ GDSs นี้ ยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มความคล่องตัวด้านรายได้ โดยตัวแทนเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายสินค้าและบริการการท่องเที่ยว แต่ยังได้ค่าธรรมเนียมการสำรองที่นั่งที่ระบบ GDSs จ่ายคืนให้แก่ตัวแทนด้วย 

     อย่างไรก็ตาม ระบบ GDSs ก็ยังเผชิญปัญหาต่างๆ จากมุมมองของตัวแทนจำหน่ายสินค้าและบริการการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มขึ้นของเว็บไซต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตัวแทนต่างๆ มีทางเลือกในการค้นหาข้อมูลและการจองสินค้าทางการท่องเที่ยวต่างๆ มากขึ้น โดยทางเลือกเหล่านี้ ให้ข้อเสนอที่น่าสนใจมากกว่าและให้ข้อมูลที่ลึกกว่าในรูปแบบสื่อมัลติมีเดีย ทำให้ตัวแทนต่างๆ ใช้ข้อมูลดังกล่าวให้บริการแก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม มีสาเหตุ 2 ประการที่ทำให้ตัวแทนจำหน่ายสินค้าและบริการการท่องเที่ยวยังคงใช้ระบบ GDSs อยู่ คือ 1) การขาดการบูรณาการของระบบการสำรองที่นั่งผ่านเว็บไซต์กับระบบการทำงานสนับสนุนของบริษัทตัวแทน และ 2) รายได้จากค่าธรรมเนียมการจองผ่านระบบ GDSs ที่จะหายไป     

ผู้ให้บริการรถเช่า
ในการเดินทางท่องเที่ยวการบริการรถเช่าเป็นสินค้าและบริการพื้นฐานโดยเฉพาะการท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจ รถเช่าจึงเป็นหนึ่งในบริการเสริมอันดับแรกที่ถูกรวมเข้าไว้ในระบบ GDSs เนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจมีแรงกระตุ้นและทรัพยากรในการเพิ่มประสิทธิภาพในระบบ GDSs จึงทำให้ระบบ GDSs ยังคงเป็นระบบการสำรองรถเช่าที่สำคัญในธุรกิจประเภทนี้ ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการให้บริการรถเช่าก็มีการพัฒนาเว็บไซต์ของตนเพื่อติดต่อกับลูกค้าโดยตรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากบริษัทให้บริการรถเช่าทั่วโลกรายใหญ่ที่สามารถเพิ่มภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งของบริษัทตนเองได้ โดยการติดต่อกับลูกค้าโดยตรง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสินค้าในธุรกิจประเภทนี้ในแต่ละบริษัทแทบจะไม่มีข้อแตกต่างกัน ลูกค้าจึงสามารถเปลี่ยนบริษัทได้ค่อนข้างง่าย อีกทั้งระบบการจัดจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างกว้างขวาง เมื่อบริษัทให้บริการรถเช่าบริษัทหนึ่งเสนอสินค้าบริการและรถรุ่นเดียวกันให้แก่ลูกค้าเช่นเดียวกับคู่แข่ง ทำให้บริษัทนี้ต้องรีบหาวิธีที่จะทำให้รถของตนแตกต่างจากบริษัทอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นแค่รถเช่าธรรมดา ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าผู้ให้บริการรถเช่าในปัจจุบันยังคงให้ความสนใจกับความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบริษัท ผู้ประกอบการให้บริการรถเช่าต่างคาดหวังที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการแก่ลูกค้าและคงไว้ซึ่งหน้าที่ในการเป็นผู้จัดหาที่เพิ่มคุณค่าให้แก่การท่องเที่ยว

โรงแรมและที่พักอื่นๆ
     
ระบบการจัดจำหน่ายอิเล็กทรอนิกส์ของโรงแรมยังค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในระยะแรก โรงแรมจะมีการเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับประเภทห้องพัก คำอธิบายและราคาโดยตรงบนฐานข้อมูลระบบ GDSs จึงทำให้ข้อมูลห้องพักต่างๆ อยู่ในระบบพร้อมให้ตัวแทนท่องเที่ยวทั่วโลกใช้ข้อมูลได้ อย่างไรก็ตาม ฐานข้อมูลของระบบ GDSs  ยังไม่ตรงกับสินค้าและบริการด้านการโรงแรม จึงเป็นผลให้โครงสร้างฐานข้อมูลของระบบ GDSs ไม่สามารถทำงานร่วมกับสินค้าและบริการด้านการโรงแรมที่มีความหลากหลาย นอกจากนี้ โรงแรมยังเผชิญปัญหาในการดูแลรักษาข้อมูลในระบบ การเพิ่มหรือการปรับเปลี่ยนข้อมูลค่อนข้างใช้เทคนิค เนื่องจากในแต่ละระบบจะมีระเบียบวิธีที่กำหนดขึ้นสำหรับการสื่อสารข้อมูล  (Protocol) และกฎเกณฑ์ในการจัดวางข้อมูล (Syntax) ที่แตกต่างกัน รวมทั้งต้องใช้เวลานานในการทำให้ข้อมูลในระบบเป็นปัจจุบัน
ะบบ CRS ของโรงแรมช่วยในการบริหารจัดการด้านรายการห้องพักและราคา รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของฝ่ายขายทางโทรศัพท์ส่วนกลาง (Central Telesales Offices) ของทั้งกลุ่มโรงแรม ความสามารถเหล่านี้ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่อบริษัทแม่ และยังเป็นกุญแจสำคัญในความสำเร็จของเครือธุรกิจโรงแรม เช่น โรงแรมในเครือ Hilton และ Intercontinental เป็นต้น อย่างไรก็ดี การใช้ระบบ CRS นั้น ต้องใช้เงินทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมาก จึงส่งผลให้เครือข่ายโรงแรมใหญ่ๆ เท่านั้นที่สามารถใช้เทคโนโลยีแบบนี้ได้ ส่วนโรงแรมที่มีขนาดเล็กกว่ามีทางเลือกเพียงร่วมมือกับโรงแรมพันธมิตรต่างๆ

     อย่างไรก็ตาม โรงแรมส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะที่ไม่ได้อยู่ในสหรัฐอเมริกา) ไม่ได้เป็นสมาชิกเครือข่ายโรงแรมหรือการร่วมกันประกอบธุรกิจภายใต้ชื่อแบรนด์ จึงทำให้การเข้าถึงระบบ GDSs ของโรงแรมเหล่านี้ถูกจำกัด เนื่องจากโรงแรมที่มีขนาดเล็กและไม่มีเครือข่าย ไม่มีแหล่งเงินทุนหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีในการทำให้โรงแรมอยู่ในอันดับต้นๆ ในระบบการท่องเที่ยวออนไลน์ได้ จะมีก็เพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่ทำให้โรงแรมเหล่านี้สามารถใช้ประโยชน์จากการเติบโตของการจองห้องพักแบบออนไลน์ได้ คือ การดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์และขายสินค้าและบริการทางอินเทอร์เน็ตผ่านบริษัทเหล่านี้แทน โดยในการร่วมธุรกิจกับบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์นั้น ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากในการขยายการเข้าถึงลูกค้าและการเพิ่มยอดขาย อย่างไรก็ตาม การร่วมธุรกิจในลักษณะนี้เป็นความสัมพันธ์ทางการค้าแบบฝ่ายเดียว คือ บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์เท่านั้นที่มีและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า ไม่ใช่โรงแรม เนื่องจากมีอำนาจในตลาดสูง นอกจากนี้ บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ยังเสนอรูปแบบธุรกิจต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้โรงแรมต่างๆ มาใช้บริการมากขึ้น เช่น รูปแบบธุรกิจแบบตัวแทน (Agent) ที่บริษัทจะขายสินค้าและบริการโดยได้รับค่าคอมมิชชั่น รูปแบบธุรกิจแบบแพ็คเกจ (Packaged) ที่บริษัทจะเสนอราคาแบบเหมาจ่ายแก่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าไม่รู้ราคาห้องพักที่แท้จริง รูปแบบธุรกิจแบบคลุมเครือ (Opaque) ที่ทางบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์จะไม่แสดงชื่อโรงแรมที่เสนอขายแก่ลูกค้าจนกว่าการซื้อขายห้องพักจะสมบูรณ์ ทำให้โรงแรมสามารถลดราคาห้องพักได้อย่างมาก โดยที่สาธารณชนไม่สามารถทราบได้ เป็นต้น

     นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจอย่างใกล้ชิดกับบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์แล้ว โรงแรมยังพยายามที่จะเพิ่มยอดขายตรงทางอินเทอร์เน็ต โดยการปรับปรุงเว็บไซต์ ปรับเปลี่ยน/เพิ่มกราฟิกที่ดีขึ้น เพื่อเพิ่มความแตกต่าง นอกจากนี้ โรงแรมที่มีเครือข่ายมีการทดลองการจัดจำหน่ายห้องพักผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นผู้ล้าหลังทางเทคโนโลยี

ประยุกต์ใช้ในงานสาธารณสุขและการแพทย์ 

 ทคโนโลยีสารสนเทศได้รับการนำมาใช้ในการพัฒนา ด้านสาธารณสุขอย่างกว้างขวาง และทำให้งาน
ด้าน สาธารณสุขเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับระบบการบริหารงาน และนำเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ในงานต่างๆ ดังนี้     - ด้านการลงทะเบียนผู้ป่วย ตั้งแต่เริ่มทำบัตร จ่ายยา เก็บเงิน   - การสนับสนุนการรักษาพยาบาล โดยการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล ต่างๆ เข้าด้วยกัน สามารถสร้างเครือข่ายข้อมูลทางการแพทย์ แลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ป่วย   - สามารถให้คำปรึกษาทางไกล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชำนาญ เทคโนโลยีสารสนเทศ จะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นหน้า หรือท่าทางของผู้ป่วยได้ ช่วยให้ส่งข้อมูลที่เป็นเอกสาร หรือภาพเพื่อประกอบการพิจารณาของแพทย์ได้    - เทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยในการ ให้ความรู้แก่ประชาชนของแพทย์ หรือหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ได้ผลขึ้น โดยสามารถใช้สื่อต่างๆ เช่นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวมีเสียงและอื่นๆ เป็นต้น   - เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถกำหนดนโยบาย และติดตามกำกับการดำเนินงานตามนโยบายได้ดียิ่งขึ้น โดยอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องฉับไว และข้อมูลที่จำป็น ทั้งนี้อาจใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวเก็บข้อมูลต่างๆ ทำให้การบริหารเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว ถูกต้องมากยิ่งขึ้น   - ในด้านการให้ความรู้หรือการเรียน การสอนทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะดาวเทียม จะช่วยให้การเรียนการสอนทางไกล ทางด้านการแพทย์และสาธารณะสุข เป็นไปได้มากขึ้นประชาชนสามารถเรียนรู้พร้อมกันได้ทั่วประเทศและ ยังสามารถโต้ตอบหรือถามคำถามได้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น