วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

งานที่ 9 ประโยชน์ของ KM ต่อหน่วยงานหรือองค์กร


                          

                    1. ป้องกันความรู้สูญหาย : การจัดการความรู้ทำให้องคP ารสามารถรักษาความเชี่ยวชาญ ความชำนาญ และคว;?รู้ที่อาจสูญหายไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของบุคลากร  เช่น  การเกษียณอายุทำงาน  หรือการลาออกจากงาน  ฯลฯ

                    2. เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ : โดยประเภท คุณภาพ และความสะดวกในการเข้าถึง ความรู้ เป็นปัจจัยของการเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจ เนื่องจากผู้ที่มีหน้าที่ตัดสินใจต้องส252Fารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ

                    3. ความสามารถในการปรับตัว๸ะมีความยืดหยุ่น : การทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีความเข้าใจในงานและวัตถุประสงค์ของงาน  โดยไม่ต้องมีการควบคุม หรือมีการแทรกแซงมากนักจะทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดการพัฒนาจิตสำนึกในการทำงาน

                    4. ความได้เปรียบในการแข่งขัน : การจัดการความรู้ช่วยให้องค์การมีความเข้าใจลูกค้า  แนวโน้มของการตลาดและการแข่งขัน  ทำให้สามารถลดช่องว่างและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันได้

                    5. การพัฒนาทรัพย์สิน : เป็นการพัฒนาความสามารถขององค์การในการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่ ได้แก่ สิทธิบัตร  เครื่องหมายการค้า  และลิขสิทธิ์  เป็นต้น

                    6. การยกระดับผลิตภัณฑ์ : การนำการจัดการความรู้มาใช้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และบริการ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มคุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ อีกด้วย
                    7. การบริหารลูกค้า : การศึกษาความสนใจและความต้องการของลูกค้าจะเป็นการสร้างความพึงพอใจ และเพิ่มยอดขายและสร้างรายได้ให้แก่องค์การ
                    8. การลงทุนทางทรัพยากรมนุษย์ : การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน  การจัดการด้านเอกสาร  การจัดการกับความไม่เป็นทางการเพิ่มความสามารถให้แก่องค์การในการจังและฝึกฝนบุคลากร

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

งานครั้งที่ 8 ศึกษาดูงานขอนแก่น

     หลังจากที่ได้เดินทางศึกษาไปศึกษาดูงานอยู่ขอนแก่น  เริ่มเดินทางวันที่ 20 มกราคม  รู้สึกตื่นเต้นมากๆ      
ในระหว่างนี่งรถไปขอนแก่น  เพื่อนๆทุกคนต่างพากันร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน   เป็นบรรยากาศที่ดูอบอุ่นมาก เพราะอยู่กับเพื่อน  อยู่บนรถร้องเพลงไปด้วย  กินไปด้วย นอนไปด้วย เพื่อนที่เป็นช่างภาพก็ต่างพากันถ่ายรูปไว้เยอะแยะมากมาย  พอไปถึงที่พักอยู่เขื่อนอุบลรัตน์  แต่ละคนต่างพากันตื่นเต้นกับที่นอน และห้องพัก เพราะว่ามันสบายเกินไป  กิๆ  มีทั้งตู้เย็น ทีวี โซฟา เตียงก็คนละเตียง รู้งี้ไม่น่าหอบของพะรุงพะรังไปเลย 555  คืนแรกเราก็เดินไปเดินมาเล่นกะเพื่อนห้องอื่นๆ  กว่าจะได้นอนก็ตีสองกว่าๆ
       พอวันที่สอง พวกเราต่างพากันรีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่จะเดินทางไปสู่มหาลัยขอนแก่น พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็รอเพื่อนๆห้องอื่น  แล้วก็พากันเดินไปสันเขื่อนอุบลรัตน์ ถ่ายรูปกะบรรยากาศเช้าๆ สวยๆที่เขื่อน  ขอบอกว่าบรรยากาศดีมากๆ  พอเพื่อนมากันครบก็เดินทางไปมหาลัยขอนแก่นเพื่อที่จะดูโปรเจคของโครงการ NSC ซึ่ง โปรเจคแต่ละโปรเจคสุดยอดมาก  คนไปดูก็เยอะมาก ทำให้เราแอบคิดอยู่ว่า เด็กมัธยมยังทำโปรเจคส่งเข้าประกวดด้วยแล้ว แล้วพวกเราปีสาม ปีหน้าก็จะเริ่มทำโปรเจ็คแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าจะทำเรื่องอะไร  หลังจากที่เราดูงานเสร็จเราก็กลับไปเขื่อนอุบลรัตน์เหมือนเดิม
ตอนเย็นก้มีกิจกรรมรับประทานอาหารร่วมกัน และมีการแสดงของแต่ละกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะมีเพื่อนมุกดาหารอยู่ด้วย   ตอนเย็นก็พากันกินไป  หลังจากกินเสร็จก็พากันร้องเพลง เต้นอย่างสนุกสนาน ร้องเพลงจนเสียงแหบ เสียงหาย  สนุกสนานมาก !!  และหลังจากที่เสร็จงานเราก็พากันต่างแยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน  วันนี้เป็นวันที่สนุกสนานมาก

    ไปดูงานครั้งนี้ได้อะไรเยอะแยะมากมาย มันไม่สำคัญเลยว่าเราจะไปที่ไหน มันสำคัญที่ว่าเราไปกับใคร นี่เราได้ไปกับเพื่อนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ช่วงเวลานี้ทำให้พวกเรามีความสุขอย่างมาก ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งเพื่อนใหม่ ได้ไปเที่ยว  ได้อยู่กับเพื่อน ได้เพื่อนใหม่ และยังทำให้เราสนิทกับเพื่อนเรามากขึ้นอีกด้วย
    แม้มันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ทำให้คิดถึงวันที่เราไปดูงาน คิดถึงสถานที่แห่งนั้น คิดถึงบรรยากาศตอนนั้น  คิดถึงทุกๆอย่างตรงนั้น  ถ้าเป็นไปได้อยากไปแบบนี้อีก  คงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้วที่จะได้ไปอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา   ความทรงจำเหล่านั้น ฉันจะเก็บมันเอาไง วันใดที่ฉันคิดถึงพวกเธอ ฉันจะนึกถึงบรรยากาศตอนนั้น  รักเพื่อนทุกคน รักในความเป็นไอที  ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆ

#  พูดแล้วอยากร้องไห้  T^T  
     

   

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

งานครั้งที่ 7 งานที่ 2

Green Ocean Strategy



      กลยุทธ์ Green Ocean แบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ เรื่องของ ระบบ ที่กำกับดูแลด้วยธรรมาภิบาลสีเขียว (Green Governance) และเรื่องของ คน ที่ปลูกสร้างด้วยอุปนิสัยสีเขียว (Green Habits)

แนว คิดกลยุทธ์น่านน้ำสีเขียวจากสถาบันไทยพัฒน์ เป็นกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจอีกแนวทางหนึ่งที่พยายามสร้างทางเลือกใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันกันด้วยราคา และการแข่งขันกันด้วยนวัตกรรม ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับการลอกเลียนแบบ (Copy and Development) สินค้าและบริการในรูปแบบต่างๆ แม้ว่าราคาสินค้าของไทยพอจะแข่งขันในตลาดโลกได้บ้างแต่ก็ไม่สู้จะดีนักหลัง จากที่ จีน อินเดีย และเวียดนาม มีข้อเสนอด้านต้นทุนค่าแรงงานที่ต่ำกว่า กลยุทธ์น่านน้ำสีเขียวจึงมุ่งเน้นตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคซึ่งแสดงความรับผิด ชอบต่อสังคมด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกลุ่มการดำเนินธุรกิจตามแนวคิด CSR (Corporate Social Responsibility) หรือ ความรับผิดชอบขององค์กรธุรกิจต่อสังคม ซึ่งแนวคิดดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เป็นมาตรการในการกีดกันทางการค้าของกลุ่ม ประเทศพัฒนาแล้วในอนาคตอันใกล้

Green Ocean Strategy แบ่งได้เป็น 2 ส่วนได้แก่ ระบบ และคน

ในส่วนของ "ระบบ" นั้น จัดให้มีธรรมาภิบาล (Green Governance) คอยกำกับดูแล ด้วยกัน 3 หมวด ได้แก่ ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร (Resource Efficiency) ภาระรับผิดชอบในกระบวนการผลิต (Process Accountability) และประสิทธิผลในผลิตภัณฑ์ (Product Effectiveness) ธรรมาภิบาลจึงช่วยดูแลตลอดสายการผลิต ตั้งแต่ เริ่มจากคำนึงถึงการใช้วัตถุดิบหรือทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การเลือกใช้วัตถุดิบที่อยู่ในท้องถิ่นใกล้เคียงก่อน เป็นต้น มีการบันทึกข้อมูลเพื่อทำให้สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใสในความใส่ใจต่อ สังคมและสิ่งแวดล้อม  จนกระทั่งเป็น ผลิตภัณฑ์ในวิถีการบริโภคอย่างยั่งยืน

ในส่วนของ "คน" เป็นเรื่องของการสร้างนิสัย (Green Habits)   7 ประการ นั่นก็คือ 1. Reduce, 2.Reuse, 3. Recycle ซึ่งสามข้อแรกนี้ในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคุ้นเคย กันดีอยู่แล้ว บวกเข้ากับอีกสี่ข้อคือ 4. Rethink 5. Recondition 6. Refuse และ 7.Return เรื่องราวต่างๆล้วนต้องเริ่มต้นจากการพัฒนาทัศนคติ และ จิตสำนึกของคนเสียก่อน ขณะที่ Recondition หมายถึงการนำสิ่งของที่มีอยู่แล้วมาปรับสภาพใหม่ เช่น เครื่องจักรกลแทนที่จะซื้อเครื่องใหม่ ก็แค่เปลี่ยนชิ้นส่วนแล้วก็ใช้ได้ใหม่เหมือนเดิม, Refuse คือการปฏิเสธการใช้วัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และสุดท้ายเมื่อได้รับประโยชน์ให้กับธุรกิจแล้วควรจะตอบแทนกลับธรรมชาติด้วย การบำรุงรักษา อาทิ การปลูกป่า เป็นต้น

องค์กรธุรกิจชั้นนำในปัจจุบัน อาทิ เอสซีจี, แม็คโดนัลด์, วอลมาร์ต, โตโยต้า ฯลฯ ล้วนแสดงตัวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้วทั้งสิ้น และบางแห่งถึงขั้นนำค่านิยมนี้ผลักดันให้เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรอีกด้วย

งานครั้งที่ 7 งานที่ 1



คุณ วันชัย – ดารุณี รุ่งภูวภัทร



  " อย่าละเลยโอกาส…จงเอาใจใส่และตั้งใจกับทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิต…คุณก็จะพบกับความสำเร็จ
เหตุใด ความสำเร็จของคนเราจึงต่างกัน เหตุใดฐานะของคนเราจึงต่างกัน เพราะคุณขาดโอกาส คุณละเลยโอกาส หรือคุณยังเอาใจใส่กับโอกาสที่มีอยู่ไม่มากพอ " <3<3



ประโยคให้แง่คิดที่อาจทำให้ใครหลายคนได้ฉุกคิด ของคุณวันชัย – คุณดารณี รุ่งภูวภัทร นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรบริหาร บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ประสบความสำเร็จรอบด้านไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรูปแบบ “บริการสินค้าในบรรจุภัณฑ์พิเศษ ลักษณะซอง” ของ บริษัท ศรีไทย ฟู้ด เซอร์วิส จำกัด และธุรกิจเครือข่าย จนล่าสุดได้รับรางวัลการันตีความสำเร็จอันทรงเกียรติ คือ รางวัลนักธุรกิจขายตรงดีเด่น ประจำปี 2553 นี้ หนังสือพิมพ์เส้นทางนักขายขอแสดงความยินดีด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ประวัติความเป็นมา
คุณวันชัยพบกับธุรกิจแอมเวย์ขณะกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีที่สถาบันราชภัฏ ธนบุรี จากเพื่อนร่วมห้องโดยบังเอิญ เริ่มแรกคุณศิรพัชร วิทยาบัณฑิต คิดว่าจะไม่ชวนคุณวันชัยทำธุรกิจเพราะเห็นว่าคุณวัยชัยเป็นเจ้าของ บริษัท ศรีไทย ฟู้ดส์ เซอร์วิส จำกัด ที่มีมูลค่าทางธุรกิจกว่า 200 ล้านในขณะนั้น แต่กลับเป็นคุณวันชัยเองที่เดินเข้าไปหาโอกาส เข้าไปถามเรื่องราวของธุรกิจและตัดสินใจขอสมัครทำธุรกิจ จากการบอกเล่าเพียง 5 นาที สิ่งที่เปิดใจคุณวันชัย คือ ธุรกิจแอมเวย์มีมูลค่าหลายหมื่นล้านและมีอยู่ทั่วโลก แต่การทำธุรกิจนี้กลับไม่ต้องมีลูกจ้างสักคนเดียว ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจของเขาที่มีธุรกิจในหลักร้อยล้าน แต่ต้องมีลูกจ้างหลายร้อยชีวิต อีกทั้งยังมีปัญหามากมายด้วย ทำให้คุณวันชัยเกิดความสนใจในธุรกิจและต้องการศึกษาแผนธุรกิจ
เมื่อนักธุรกิจศึกษาระบบธุรกิจเครือข่าย
เมื่อเข้ามาศึกษาระบบธุรกิจเครือข่ายอย่างจริงจัง ทำให้คุณวันชัยเข้าใจถึงความสำเร็จในธุรกิจว่าเป็นการทำเพื่อครอบครัวและผู้ คนรอบข้าง คุณวันชัยมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ ได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป ซึ่งตลอดชีวิตการทำงาน 20 กว่าปีที่ผ่านมาเขาเข้าใจธุรกิจเพียงด้านเดียว คือ ถ้าอยากกำไรก็ต้องลงทุนเพิ่ม อยากกำไรเพิ่มก็ต้องมีหนี้เพิ่ม
ในธุรกิจศรีไทยฟู๊ดหรือธุรกิจอื่นๆ ต้องใช้คนหรือแรงงานขับเคลื่อนเพื่อสร้างธุรกิจให้เจ้าของกิจการ แต่ในธุรกิจแอมเวย์ต้องสร้างคนเพื่อให้เข้าใจธุรกิจ และสร้างธุรกิจต่อโดยพัฒนาคน พัฒนาความรู้ พัฒนาทักษะ เพื่อให้เขามีความเป็นผู้นำ เป็นแบบอย่างที่ดีมีศักยภาพ ธุรกิจแอมเวย์สอนการสร้างคุณค่าของมนุษย์ให้คงอยู่ มิใช่การทำงานเพื่อหาเงินแล้วก็ตายจากโลกนี้ไปโดยไม่เหลืออะไรทิ้งไว้
วันนี้คุณวันชัยและคุณดารณีได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของธุรกิจแอมเวย์ ว่าเป็นธุรกิจเมตตาทุนนิยม “เป็นงานที่เราจะต้องมีเมตตาต่อผู้คน ใช้เมตตาเป็นทุน ไม่ใช่ใช้เงินเป็นทุน” ใช้ความเมตตาและความรักที่มีต่อผู้คนที่เราให้โอกาส และอยากให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น ธุรกิจนี้สามารถชุบชีวิตเขาได้ สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตครอบครัวเขาได้ตลอดทั้งตระกูล สิ่งเหล่านี้เกิดจากการใช้เมตตาเป็นทุนเป็นการสร้างคุณค่าให้กับตนและผู้คน อย่างมาก
เคล็ดลับความสำเร็จ คือ
ช่วงเริ่มต้นสิ่งที่อัพไลน์ พูดเสมอ ๆ ก็คือ No Meeting No Amway ต้องเข้าประชุม ต้องเข้าเรียนรู้ เรียนรู้มากปัญหาน้อย เรียนรู้น้อยปัญหามาก หมั่นฟังเทป (ปัจจุบันเป็นซีดี) เคล็ดลับของแอมเวย์จริงๆ ไม่มีอะไร แค่ทำเยอะๆ ทำงานพื้นฐาน สปอนเซอร์ พูดแผน แนะนำสินค้า สาธิตสินค้า และเข้าที่ประชุม
บททดสอบความสำเร็จ
บททดสอบที่สำคัญมาก คือ ภรรยา ในช่วงต้นคุณดารณีไม่เห็นด้วยกับการทำธุรกิจอย่างมาก คุณดารณีเป็นคนชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือคน เขาจะไม่ชอบธุรกิจอยู่ 2 อย่าง คือ ธุรกิจประกันและขายตรง เพราะความรู้สึกของเธอคิดว่า ธุรกิจนี้ทำได้เพราะความเกรงใจ เธอจึงไม่ชอบมากๆ และเมื่อสามีมาทำธุรกิจแอมเวย์ จึงเกิดบททดสอบความสำเร็จขึ้น วิถีชีวิตประจำวันเริ่มเปลี่ยนไป ต้องจัดเวลาเพื่อไปประชุม ไปสปอนเซอร์ ทำให้คุณดารณีไม่พอใจนัก แต่เขาก็ยอมเธอตลอด ไม่ทะเลาะ สุดท้ายคุณวันชัยขอร้องเธอเพื่อขอทำงานชิ้นนี้ให้สำเร็จ
“เธอก็ถอยให้ผมหนึ่งก้าว จนวันนี้ เราทั้งคู่เข้าใจธุรกิจแอมเวย์อย่างมาก เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงแก่นแท้ของธุรกิจแอมเวย์ว่าคืออะไร ทำเพื่ออะไร”
ครั้งหนึ่งที่คุณวันชัยรู้สึกท้อแท้กับคำปฏิเสธจึงได้กลับมาทบทวนและได้คำ ตอบให้กับตัวเองว่า ถ้าเราจะประสบความสำเร็จในแอมเวย์ เราต้องตอบกับตัวเองให้ได้ว่าคนเหล่านั้นรู้เหมือนกับที่เรารู้หรือไม่ การที่เขาปฏิเสธ ก็เพราะเขายังไม่เข้าใจ เขายังไม่รู้
ในเมื่อเรารู้เราเข้าใจทำไมเราต้องล้มเลิกเพราะคนไม่รู้ ตั้งแต่นั้นมาผมตัดสินใจเลยว่าต่อไปนี้จะไม่ท้อ ตั้งใจเดินหน้าสู่ความสำเร็จอย่างเดียว
ความประทับใจในธุรกิจแอมเวย์คืออะไร
แอมเวย์เป็นธุรกิจแห่งโอกาส คือ เป็นโอกาสที่ผมสามารถแบ่งปันคนอื่นได้ เผื่อแผ่ได้ ให้ต่อได้ สามารถหยิบยื่นโอกาสนี้ให้คนที่เรารักได้ ซึ่งต่างกับธุรกิจอื่น
“ผมรู้สึกว่าการทำธุรกิจแอมเวย์ เป็นการทำสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ ทำให้เศรษฐกิจเติบโต สร้างความเอื้ออาทรในสังคม มีเด็กวัยรุ่นมาเข้าประชุมธุรกิจมากมาย เด็กเหล่านั้นไม่ได้เรียกผมว่าคุณวันชัยเหมือนที่ใครๆ เรียก ไม่ได้เรียกนาย ไม่ได้เรียกท่าน แต่เด็กเหล่านั้นเรียกปะป๊า ผมมีลูกมากมาย นี่คือความสุขจากธุรกิจแอมเวย์ ซึ่งเป็นความสุขที่เงินซื้อไม่ได้”
รู้สึกอย่างไรกับรางวัล“นักขายตรงดีเด่น”
การได้รับรางวัลนักขายตรงดีเด่น นับเป็นโอกาสที่ดีอันหนึ่งในชีวิตผม นี่คือโอกาสที่เป็นเกียรติประวัติกับวงศ์ตระกูลเรา เป็นเกียรติประวัติที่ทำให้เราภาคภูมิใจกับการทำธุรกิจที่ยึดมั่นใน จรรยาบรรณมาโดยตลอด ต้องขอบคุณแอมเวย์และสมาคมการขายตรงไทยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอขอบคุณทิ้งท้ายกับความสำเร็จในวันนี้ ถ้าไม่มี คุณศิรพัชร-คุณธารกมล วิทยาบัณฑิต นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชร ผู้เปิดโอกาสธุรกิจก็คงไม่มีเราในวันนี้ ขอขอบคุณ นพ.วัชรา-คุณสิรินุช ทรัพย์สุวรรณ นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรคู่ ขอขอบคุณคุณณัฐวัฒน์-คุณอรอุษา เฉลยจิตร์ นักธุรกิจแอมเวย์ระดับตรีเพชร ขอขอบคุณ คุณซอนนี่ โฮ ที่ให้โอกาสดูแลเครือข่าย ขอขอบคุณมร.ริช เดอโวส และมร.เจย์ แวน แอนเดล ประธานผู้ก่อตั้ง ขอขอบคุณ คุณปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัทและพนักงานบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) ทุกท่านที่ดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับเราเสมอ